top of page
  • cwongsurasil

7 ปัจจัยช่วยอินเดียในวิกฤติโควิด




[Covid} หลาย ๆ คนที่ตามข่าวหรือไม่ตามข่าวโควิด คงจะรับรู้ถึงวิกฤตโควิดในอินเดีย ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาว่า หนักหน่วงขนาดไหน


ทั้งยอดผู้ติดเชื้อที่เคยทำสถิติได้ 400,000 คนใน 1 วัน คนตายที่มีเยอะมากเกินจนเผาไม่ทัน โรงพยาบาลล้น คนต้องแย่งกันหาที่รักษาบางคนไม่มีที่รักษาก็มี


ซึ่งในปัจจุบันไทยเองนั้นก็มีความเสี่ยงที่จะเจริญรอยตามอินเดียเช่นเดียวกัน เพราะว่ายอดผู้ติดเชื้อนั้นพุ่งสูงอย่างน่าใจหายในหลาย ๆ ครั้ง และยังขึ้น ๆ ลง ๆ แบบที่ทำให้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลยทีเดียว


แต่ว่าในอินเดียนั้นใช้เวลาเพียงไม่นานเลยในการกู้สถานการณ์ให้การระบาดจากหลักแสนลดลงสู่หลักหมื่น ซึ่งจากตัวเลขในวันที่ 1 พ.ค. พบผู้ติดเชื้อถึง 401,993 คน แต่ว่าภายในเวลาแค่ 1 เดือนนั้นก็ลดลงอย่างมาก โดยในวันที่ 1 มิ.ย. พบผู้ติดเชื้อ 127,510 และในวันที่ 18 ก.ค. พบผู้ติดเชื้อเพียง 60,471


จะเห็นได้ว่าอินเดียใช้เวลาไม่นานเลยที่ลดผู้ติดเชื้อจากหลักแสนลงมาสู่เพียงหลักหมื่น


ซึ่งเรื่องน่าสนใจนี้สถาบันเพื่อการพัฒนาโลก หรือ Center for Global Development ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกาก็ได้ทำการศึกษาและสรุปสิ่งที่เกิดขึ้นในอินเดีย ว่าสาเหตุที่ทำให้อินเดียสามารถลดตัวเลขผู้ติดเชื้อได้เร็วขนาดนี้นั้นเป็นเพราะ7 ปัจจัยด้วยกัน ได้แก่


1 ตัดสินใจทุกอย่างโดยทำตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

.

ผู้เชี่ยวชาญในที่นี้คือนักวิทยาศาสตร์และแพทย์ โดยทำการจัดทีมเฉพาะกิจพิเศษ ที่มีหน้าที่ชัดเจน เช่น ทีมที่หาถังออกซิเจนก็หาถังออกซิเจนกันอย่างเดียว ทีมหาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ก็ทำการศึกษาวิจัย

.

ซึ่งได้มีการร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์ของอังกฤษเพื่อขอข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจในการทำสิ่งต่างๆ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดทำให้ทางรัฐสามารถตัดสินใจสิ่งต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง และกระจายงานให้หน่วยงานต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


2 ตรวจตัวชี้วัดทางระบาดวิทยาอย่างเข้มข้น


อินเดียเอาจริงเอาจังกับการเก็บข้อมูลในพื้นที่ ที่มีการระบาด ทั้งเก็บข้อมูลสถิติผู้ติดเชื้อ ผู้รักษาตัว ผู้เสียชีวิต โดยเก็บเป็นสถิติเอาไว้ อย่างแม่นยำห้ามผิดพลาด เพื่อต่อยอดสู่วิธีการจัดการที่ถูกต้องต่อไป


นอกจากนี้ยังมีการเก็บข้อมูลน้ำเสียด้วยเพราะต้องตรวจเชื้อโรคในน้ำเสียด้วย โดยหากว่าเขตไหนที่ยังไม่ได้ทำการตรวจเชื้อแต่พบเชื้อโรคในน้ำเสีย เขตนั้นจะถือว่าเป็นพื้นที่ระบาดทันที


3 ลงทุนตรวจหาเชื้อและการกลายพันธุ์อย่างเข้มงวด


เพราะว่าตรวจหาเชื้อมากจึงเจอผู้ติดเชื้อมาก และเมื่อพบผู้ติดเชื้อแล้วก็สามารถแยกออกมาได้ทันเวลาก่อนที่จะระบาดไปมากกว่าที่เป็นอยู่ โดยหลักการ ตาม ตรวจ แยก และเฝ้าสังเกตการณ์กลายพันธุ์อย่างเข้มข้น


และยังเรียนรู้ข้อผิดพลาดที่ตรวจเจอการกลายพันธ์ุของเชื้อได้ช้าจึงทำการควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อจะไม่พลาดอีก


4 ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์สูงสุด


โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเฝ้าระวังโรค และมีการร่วมมือกับทางอังกฤษ โดยการพัฒนาเทคโนโลยีนั้นนำมาใช้ทั้งในการตรวจหาผู้ติดเชื้อ การตรวจจับอาการของโรค และการประเมินอาการได้ ผ่านแอปพลิเคชันผ่านสมาร์ตโฟน ที่สามารถใช้ได้ง่ายไม่ยุ่งยาก แถมยังราคาถูก เข้าถึงได้ง่ายอีกด้วย


5 วางแผนฉีดวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ


ใช้ระบบกระจายวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ ฉีดวัคซีนได้รวดเร็วและใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย มีโรงงานผลิตวัคซีนของตัวเอง


มีระบบติดตามวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนหน้านี้รัฐไม่ใช่คนควบคุมการฉีดวัคซีน แต่เมื่อสถานการณ์แย่ลงรัฐก็เข้ามาบริหารจัดการให้สถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถฉีดวัคซีนได้ตามเป้าจากการควบคุมบริหารจัดการที่ดีด้วย


6 เตรียมพร้อมรับมืออยู่เสมอ


แม้ผู้ติดเชื้อจะน้อยลงแต่ก็ไม่มีความประมาท เตรียมพร้อมรับมืออยู่เสมอ จัดเตรียมทีมที่พร้อมและอุปกรณ์ที่พร้อมอยู่เสมอ หากมีการกลับมาระบาดใหม่ก็เตรียมพร้อมที่จะรับมืออยู่เสมอ หากมีการกลายพันธุ์ของเชื้ออีกรอบ


และยังพร้อมให้บริการทางสาธารณสุขกับประชาชนทุกคนอย่างเต็มที่


7 สื่อสารกับประชาชนชัดเจน


อินเดียยังคิดว่าโควิดจะกลับมาอีกไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง จึงต้องทำการสื่อส


รอย่างต่อเนื่องให้คนคอยระวังและป้องกันเพื่อให้ผู้คนตระหนักอยู่เสมอว่าโรคไม่ได้หายไปไหน


ด้วยปัจจัยเหล่านี้นี่เองที่ทำให้อินเดียคลี่คลายสถานการณ์โควิดให้ดีขึ้นได้เรื่อยๆ

4 views
bottom of page